"ทรู วิชั่นส์" เตรียมงบฯ 4 พันล้านลุยประมูลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลั่นไม่หวั่นคู่แข่ง แกรมมี่-สยามกีฬา จับตา ช่อง 7 โดดร่วมวง เผยมั่นใจคว้าสิทธิ์ต่อ ล่าสุดเขย่าตลาดเพย์ทีวี โปรโมชั่นแรง ตามติดปีศาจแดงลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษทุกนัด ควบไทยพรีเมียร์ลีก แค่เดือนละ 300 บาท
ถึงขณะนี้ดูเหมือนว่าการประมูลซื้อสิทธิ์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงจะทวีความ คึกคักมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงเฉพาะเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม "ทรูวิชั่นส์" แต่ยังมียักษ์บันเทิงอย่าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ หรือล่าสุด สยามสปอร์ต ซินดิเคท เจ้าของหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ที่จะจับมือกับกลุ่มบริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น รวมทั้งมีกระแสข่าวว่า อาร์เอส ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งได้เตรียมงบฯก้อนโตสำหรับการเข้าร่วมประมูลครั้งใหม่ที่ จะเริ่มในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่เปิดเผยว่า สำหรับทรูวิชั่นส์ขณะนี้ได้เตรียมงบประมาณในการประมูลพรีเมียร์ลีกไว้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะได้ลิขสิทธิ์นี้มาครอง เพราะว่าธุรกิจของทรูวิชั่นส์มีสมาชิกและจำนวนผู้ชม หรืออายบอลเป็นจำนวนมาก โดยที่ผ่านมามีฐานสมาชิกที่แข็งแกร่งราว 2 ล้านราย ซึ่งตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญกับเจ้าของลิขสิทธิ์ค่อนข้างมาก และในจำนวนนี้เป็นกลุ่มพรีเมี่ยม 25% (แพ็กเกจโกลด์ แพลทินั่ม) และเป็นกลุ่มที่ทำรายได้ให้บริษัทเป็นสัดส่วนถึง 75% "การแข่งขันใน ด้านคอนเทนต์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะมีการแย่งชิงกันอย่างหนัก เพราะเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตไปได้ และการเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่อย่าง แกรมมี่ อาร์เอส ฯลฯ จะทำให้ตลาดตื่นตัวและเกิดเป็นกระแส น่าจะทำให้ภาพรวมของตลาดเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 30% ในส่วนของธุรกิจเพย์ทีวี" ขณะที่แหล่งข่าวในวงการเคเบิลทีวีรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้สนใจจะเข้าร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษในรอบแรก ในเดือนพฤษภาคมนี้ประมาณ 4-5 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการไทย 3 ราย ต่างประเทศ 2 ราย ขณะที่ทราบแน่ชัดแล้ว 2 ราย คือทรูวิชั่นส์ เจ้าของลิขสิทธิ์เดิมและแกรมมี่ซึ่งถือเป็นค่ายใหญ่ ที่มีศักยภาพสูงและมีความพร้อมทางด้านการเงิน ส่วนรายอื่น ๆ ที่สนใจเท่าที่ทราบก็มี อาร์เอส, กลุ่มสยามสปอร์ต รวมทั้งเวิร์คพอยท์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทขนาดเล็ก ผลประกอบการต่อปีอยู่ที่หลัก 2,000-3,000 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้การทุ่มงบฯในการประมูลอาจเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตามยังมีผู้ ประกอบการอีกรายที่ดูน่ากลัวและอาจจะลงมาประมูลแข่งด้วย คือช่อง 7 เนื่องจากมีความพร้อมในเรื่องเม็ดเงินที่จะประมูล เพราะล่าสุดช่อง 7 เพิ่งประมูลได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลเอฟเอคัพของอังกฤษ โดยชนะทรูวิชั่นส์ และซีทีเอช (บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด) "การ แข่งขันดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้ราคาประมูลพรีเมียร์ลีกสูงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับ ครั้งที่แล้ว และอาจจะเป็นตัวเลขที่สูงถึง 4,000 ล้านบาท" ด้านนายวิ ลักษณ์ โหลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือกีฬา "สยามกีฬา" กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า บริษัทมีความพร้อมและสนใจจะประมูลซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษในครั้ง นี้เช่นกัน แต่ทั้งนี้คงต้องหารือกับบริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น พันธมิตรด้วย ก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ประกาศจะใช้งบฯ 2,000-3,000 ล้านบาท ในการประมูลซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษสำหรับ 3 ฤดูกาลข้างหน้า โดยการประมูลดังกล่าวจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตร |
วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น